ลักษณะดอกเป็นช่อสีม่วง ช่อยาวประมาณ 20-25 ซม. อายุออกดอกประมาณ 30 วัน หลังย้ายปลูกลงแปลง ช่อดอกคงทน และออกดอกต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์ ปลูกได้ทุกฤดูกาล ทนต่อสภาพอากาศร้อนและฝนได้ดี ควรมีการเด็ดยอด เพื่อให้ทรงพุ่มแน่น
การเพาะเมล็ดบลูซัลเวียมี 2 วิธี
การเพาะเมล็ดในตะกร้า
- เพาะเมล็ดในตะกร้าพลาสติก ขนาด 29 x 36 เซนติเมตร หรือใหญ่กว่านี้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเมล็ดที่ใช้เพาะ
- ตัดกระดาษหนังสือพิมพ์วางรอบตะกร้าโดยตัดกระดาษให้พอดีกับขอบตะกร้าเพื่อป้องกันวัสดุเพาะร่วงแล้วนำวัสดุเพาะใส่ตะกร้าประมาณ ¾ ของความสูงตะกร้า
- 1ใช้ไม้บรรทัดเกลี่ยผิววัสดุให้เรียบ ทำร่องรูปตัววีลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 3 เซนติเมตร
- หยอดเมล็ดบลูซัลเวียลงในร่องอย่าให้แน่นเกินไปแล้วกลบเมล็ดหนาประมาณ 0.4 เซนติเมตร ยกตะกร้าไว้ที่พรางแสง
- 1ดูแลรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้วัสดุเพาะมีความชื้นเพียงพอ เมื่อต้นกล้าอายุ 6-7 วันจึงย้ายต้นกล้าลงถาดหลุมต่อไป
การเพาะเมล็ดในถาดเพาะ
- ทำการผสมพีทมอสกับสารเคมีกันเชื้อรา Propamocarb hydrochloride (อัตรา 0.4 ซี.ซี ต่อน้ำ 1 ลิตร) คลุกเคล้าให้เข้ากันสังเกตวัสดุเพาะจับตัวเป็นก้อนและมีน้ำซึมตามร่องนิ้วเล็กน้อย
- นำพีทมอสที่ผสมแล้วใส่ถาดหลุมให้เต็มหลุม
- ทำการเจาะหลุมโดยใช้ถาดเปล่าวางบนถาดที่จะทำการเพาะ กดลงอย่างเบามือ โดยหลุมที่เกิดจะต้องลึกพอประมาณ เมื่อเราวางเมล็ดลงไปยังสามารถเห็นเมล็ดได้ (หลุมที่ลึกจะทำให้เมล็ดงอกช้าได้)
- นำเมล็ดมาคลุกแป้งให้ทั่วเพื่อให้เห็นเมล็ดได้ง่ายระหว่างเพาะเนื่องจากเมล็ดมีสีดำ ระวังอย่าผสมแป้งมากเกินไป ทำการวางเมล็ดลงไป 1 หลุม ต่อ 1 เมล็ด
- ทำการกลบเมล็ดโดยใช้พีทมอสที่ยังไม่ได้ผสมน้ำใส่ตะกร้า ร่อนกลบให้มิดเมล็ด ระวังอย่ากลบหนาจนเกินไปจะทำให้เมล็ดงอกช้าพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา Propamocarb hydrochloride (อัตรา 1.0 ซี.ซี ต่อน้ำ 1 ลิตร) ย้ายไปไว้ในทีพรางแสง 80 – 90% พ่นน้ำฝอยละเอียดทำมุมเฉียงขึ้นให้น้ำตกลงบนวัสดุเพาะ อย่าให้โดนวัสดุเพาะโดยตรงและอย่าปล่อยให้แห้งจะทำให้เมล็ดไม่งอกได้ ในระยะนี้จะใช้เวลประมาณ 7-10 วันในการงอก
การย้ายปลูกลงถุงหรือกระถาง
- เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 20-25 วัน หลังย้ายลงถาดเพาะ หรือมีใบจริง 2 คู่ใบขึ้นไป
- ก่อนย้ายกล้า งดให้น้ำต้นกล้า เพื่อให้ดินเกาะรากต้นกล้า ตุ้มไม่แตกเมื่อนำมาลงแปลง
- ดึงต้นกล้าเบาๆ พร้อมดินหุ้มรากไปมากๆ เพื่อรากจะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
- ย้ายปลูกต้นกล้าลงถุงพลาสติก โดยการเจาะหลุมดินให้ลึกและกว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา แล้วนำต้นกล้าหยอดลงในหลุมแล้วกลบด้วยดิน
- ดูแลต้นกล้าจนกระทั่งต้นโต
การย้ายปลูกต้นกล้าลงแปลง
- อายุกล้าหลังย้ายลงถาดเพาะประมาณ 15-20 วัน หรือมีใบจริง 2 คู่ใบขึ้นไป ย้ายลงแปลงปลูก
- ก่อนย้ายกล้า งดให้น้ำต้นกล้า เพื่อให้ดินเกาะรากต้นกล้า ตุ้มไม่แตกเมื่อนำมาลงแปลง
- ดึงต้นกล้าเบาๆ พร้อมดินหุ้มรากไปมากๆ เพื่อรากจะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
- ให้น้ำในแปลงปลูกอย่างเพียงพอ ไม่แห้งหรือแฉะจนเกินไป เพราะถ้าขาดน้ำ ต้นกล้าอาจเหี่ยว และตายได้ เพราะรากต้นกล้าไม่มีน้ำมาหล่อเลี้ยง
- การวางสายน้ำ สายน้ำหยดต้องอยู่ตรงกับรอยเจาะของรูพลาสติก เพื่อที่น้ำจะหยดลงในจุดที่ปลูกต้นกล้าด้วย ซึ่งจะทำให้ต้นกล้าได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
หลักการปฏิบัติในการย้ายปลูก
-
ย้ายต้นกล้าในตอนที่แดดอ่อนและในร่ม
-
เตรียมแปลงปลูกอย่างดี รดน้ำแปลงให้ดินชื้นก่อนการย้ายปลูก
-
ดึงต้นกล้าเบาๆ พร้อมดินหุ้มรากไปให้มากๆ เพื่อรากจะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
-
ปลูกในหลุมที่กว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา และควรปลูกให้ใบจริงอยู่ใกล้กับระดับดินมากที่สุด เพื่อที่เวลารดน้ำต้นกล้า จะไม่หักล้มง่าย และแก้ปัญหาต้นกล้ายืด
การเตรียมดินปลูกสำหรับบรรจุลงกระถาง
การเตรียมดินปลูกต้องพิถีพิถันพอสมควร เพราะไม้ดอกส่วนใหญ่มีอายุการออกดอกสั้น โดยเฉพาะไม้ดอกที่ไวต่อแสงจะออกดอกทันทีเมื่อครบอายุและต้นสมบูรณ์ ดินปลูกต้องเป็นดินโปร่ง ร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดี ในขณะเดียวกันอุ้มความชื้นได้ดีพอสมควร มีความเป็นกรดเล็กน้อย มี pH ประมาณ 6.5 – 7 ส่วนผสมของดินปลูกควรหาง่ายในท้องถิ่น สำหรับดินผสม 1 ลูกบาศก์เมตร ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15 – 15 – 15 จำนวน 0.5 กิโลกรัม และสูตร 0 – 46 – 0 จำนวน 1 กิโลกรัม ผสมกันตามสัดส่วน
- สูตรที่ 1 ส่วนประกอบดินผสมโดยทั่วไป ได้แก่ ดินร่วน ปุ๋ยหมัก แกลบดิบ แกลบเผา ขุยมะพร้าว อัตราส่วน 1 : 1 : 2 : 2 : 2
- สูตรที่ 2 ส่วนประกอบดินผสมโดยทั่วไป ได้แก่ แกลบดิบ ขุยมะพร้าว ดิน อัตราส่วน 3 : 5 : 2
- สูตรที่ 3 ขุยมะพร้าว ทรายหยาบ + โดโลไมท์ อัตราส่วน 3 : 1 +โดโลไมท์ อัตราส่วนผสมรวมกัน 240 ลิตร ( ขุยมะพร้าว 180 ลิตร + ทรายหยาบ 60 ลิตร ใช้โดโลไมท์ 0.5 กก.)
- หรือ ทั้งนี้สามารถดัดแปลงสูตรได้ตามความเหมาะสม ตามประสบการณ์ หรือคู่มืออื่นๆ
ดินปลูกสำหรับปลูกลงแปลง
- ไถพรวนและพลิกหน้าดินตากไว้ประมาณ 7 – 10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืช
- หลังจากนั้นให้ทำการไถคราดเพื่อกำจัดวัชพืชออกให้หมดและทำให้ดินร่วนซุย ให้รากพืชเดินได้สะดวกเหมาะสำหรับการปลูก
- ถ้าดินมีปัญหาโดยมีค่าความเป็นกรด ด่าง น้อยกว่า 6. 5 ควรเติมปูนขาวเพื่อปรับสภาพ pH ของดิน อัตรา 100 – 300 กก./ไร่ ในขณะใส่ปูนขาวดินควรมีความชื้นเพื่อให้ปูนทำปฏิกิริยากับดินได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยทิ้งไว้ 1 สัปดาห์
- ผสมปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 รองพื้น ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และเพิ่มแร่ธาตุในดิน
- จากนั้นตีพรวนดินให้ละเอียด และขึ้นแปลงปลูก ขนาด 1.20 เมตร สำหรับแปลงคู่ และ 70-80 ซม. สำหรับแปลงเดี่ยว คามความยาวของขนาดพื้นที่
- คลุมด้วยพลาสติกสองหน้าสีดำ-เงิน โดยสีเงินอยู่ด้านบน
การจัดการและดูแลหลังการย้ายปลูก
การให้น้ำ ควรให้น้ำทุกวันในตอนเช้าหรือเย็น เมื่อเริ่มมีดอก อย่ารดน้ำให้ถูกดอก เพราะอาจจะทำให้ดอกช้ำหรือเน่าได้ การให้น้ำควรให้สภาพดินชุ่มสลับแห้ง ไม่ควรให้ชุ่มตลอดเวลา เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า และทำให้ระบบรากไม่พัฒนา ส่งผลให้ต้นไม่สมบูรณ์
การให้ปุ๋ย
- ระยะที่ 1 เสริมสร้างการเจริญเติบโตของราก ลำต้นและใบ หลังจากย้ายกล้าแล้วประมาณ 7 วัน ให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง เช่น สูตร 15 – 0 – 0 หรือ 25 – 7 – 7 ในอัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 5 – 7 วัน ประมาณ 2 – 3 ครั้ง
- ระยะที่ 2 ช่วงการเจริญเติบโตถึงระยะสังเกตเห็นตุ่มดอก ให้ปุ๋ยสูตร 15 - 15 - 15 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน จนกระทั่งดอกเริ่มบาน
- ระยะที่ 3 เมื่อดอกเริ่มบาน ให้ปุ๋ยสูตร ให้ปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24 หรือ 13 – 13 – 21 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่องตลอดอายุการให้ดอก
**ข้อควรระวังในการให้ปุ๋ย
การให้ปุ๋ยเม็ด ระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้ ควรฝังลงดินหรือใช้ดินกลบ
การให้ปุ๋ยน้ำ อาจสัมผัสโดนใบและทำให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นเมื่อรดปุ๋ยแล้วให้รดน้ำเพื่อล้างใบตาม
หมายเหตุ : หากไม่สามารถหาปุ๋ยได้ตามสูตร สามารถใช้ปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 หรือสูตรเสมอทดแทนได้ทุกระยะ แต่การเจริญเติมโตอาจไม่ดีเท่าสูตรที่แนะนำ หรือสำหรับบางท่านที่ไม่สะดวกในการให้ปุ๋ยบ่อยครั้ง สามารถใช้ปุ๋ยละลายช้า สูตร 14 – 14 – 14 แนะนำเป็นตัว เนเจอร์ โค้ท สามารถปลดปล่อยธาตุอาหารพืช ได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ นานถึง 3 เดือน แต่จะไม่ดีเท่าการให้ปุ๋ยตามระยะ
Short URL :