ดอกบานชื่นดอกสีชมพูอมแดง เป็นพืชที่มีความแข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศร้อน และแล้งได้ดี ซึ่งปลูกได้ทุกฤดูกาล ออกดอกต่อเนื่องได้นานหลายสัปดาห์ และควรเด็ดยอดเพื่อให้ทรงพุ่มแน่น เมื่อต้นมีใบจริง 6 ใบ หรือ 3 คู่ใบ
วัสดุอุปกรณ์
- ถาดเพาะ หรือ ตะกร้าเพาะ
- พีทมอส ( วัสดุเพาะ )
- เมล็ดพันธุ์ดอกไม้
- ป้ายชื่อพันธุ์ดอกไม้
- บัวรดน้ำแบบฝอยละเอียด
- สารเคมี Propamocarb hydrochloride
การเพาะเมล็ด
- ทำการผสมพีทมอสกับสารเคมีกันเชื้อรา Propamocarb hydrochloride (อัตรา 0.4 ซี.ซี ต่อน้ำ 1 ลิตร) คลุกเคล้าให้เข้ากันสังเกตวัสดุเพาะจับตัวเป็นก้อนและมีน้ำซึมตามร่องนิ้วเล็กน้อย
- นำพีทมอสที่ผสมแล้วใส่ถาดหลุมให้เต็มหลุม
- ทำการเจาะหลุมโดยใช้ถาดเปล่าวางบนถาดที่จะทำการเพาะ กดลงอย่างเบามือ โดยหลุมที่เกิดจะต้องลึกพอประมาณ เมื่อเราวางเมล็ดลงไปยังสามารถเห็นเมล็ดได้ (หลุมที่ลึกจะทำให้เมล็ดงอกช้าได้)
- นำเมล็ดมาวางในถาดเพาะ ที่เราทำหลุมไว้แล้ว 1 หลุม ต่อ 1 เมล็ด
- ทำการกลบเมล็ดโดยใช้พีทมอสที่ยังไม่ได้ผสมน้ำใส่ตะกร้า ร่อนกลบให้มิดเมล็ด ระวังอย่ากลบหนาจนเกินไปจะทำให้เมล็ดงอกช้าพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา Propamocarb hydrochloride (อัตรา 1.0 ซี.ซี ต่อน้ำ 1 ลิตร)
- ย้ายเข้าไปไว้ในที่พรางแสง 80-90 % พ่นน้ำฝอยละเอียด เช้า-เย็น ประมาณ 4-5 วันเมล็ดเริ่มงอก
การย้ายปลูกลงถุงหรือกระถาง
- เมื่อต้นกล้า มีอายุ 15-20 วัน หลังจากย้ายลงถาดเพาะ ให้สังเกตุต้นกล้า เริ่มมีใบจริง 2-3 คู่ใบขึ้นไป ย้ายลงกระถางขนาด 6 นิ้ว หรือถุงดำ ขนาด 4*8 นิ้ว
- โดยเจาะหลุมดินให้ลึกและกว้างพอดีกับดินที่หุ้มรากมา แล้วนำต้นหยอดลงในหลุมแล้วกลบด้วยดิน
- ควรปลูกให้ใบจริงอยู่ใกล้กับระดับดินมากที่สุด เพื่อที่เวลารดน้ำต้นกล้า จะไม่หักล้มง่าย และแก้ปัญหาต้นกล้ายืด
- ควรเด็ดยอด เพื่อช่วยในการแตกทรงพุ่ม แนะนำให้เด็ดยอดเพื่อให้ลำต้นสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ออกดอกเร็วจนเกินไป
การเตรียมดินปลูก
ดินปลูกสำหรับบรรจุลงกระถาง
- การเตรียมดินปลูกต้องพิถีพิถันพอสมควร เพราะไม้ดอกส่วนใหญ่มีอายุการออกดอกสั้น โดยเฉพาะไม้ดอกที่ไวต่อแสงจะออกดอกทันทีเมื่อครบอายุและต้นสมบูรณ์ ดินปลูกต้องเป็นดินโปร่ง ร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดี ในขณะเดียวกันอุ้มความชื้นได้ดีพอสมควร มีความเป็นกรดเล็กน้อย มี pH ประมาณ 6.5 – 7 ส่วนผสมของดินปลูกควรหาง่ายในท้องถิ่น
สูตรดินผสมแนะนำ
- ดินร่วน 1 ส่วน
- แกลบดิบ 2 ส่วน
- แกลบดำ 1 ส่วน
- ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
- กาบมะพร้าวสับเล็ก 2 ส่วน
- โดโลไมท์ เพื่อปรับสภาพความเป็น กรด-ด่างในดิน 0.5 กิโลกรัม
- ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 อัตรา 250 กรัม
การจัดการหลังการย้ายปลูก
-
น้ำ การให้น้ำควรให้สภาพดินชุ่มสลับแห้ง ไม่ควรให้ชุ่มตลอดเวลา เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า และทำให้ระบบรากไม่พัฒนา
ปุ๋ยสูตรน้ำ
- ระยะที่ 1 เสริมสร้างการเจริญเติบโตของราก ลำต้นและใบ หลังจากย้ายกล้าแล้วประมาณ 7 วัน ให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง เช่น สูตร 15 – 0 – 0 หรือ 25 – 7 – 7 ในอัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 5 – 7 วัน ประมาณ 2 – 3 ครั้ง
- ระยะที่ 2 ช่วงการเจริญเติบโตถึงระยะสังเกตเห็นตุ่มดอก ให้ปุ๋ยสูตร 15 - 15 - 15 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน จนกระทั่งดอกเริ่มบาน
- ระยะที่ 3 เมื่อดอกเริ่มบาน ให้ปุ๋ยสูตร ให้ปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24 หรือ 13 – 13 – 21 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่องตลอดอายุการให้ดอก
ปุ๋ยเม็ด
-
สามารถให้ปุ๋ยสูตรต่างๆ เหมือนสูตรน้ำ ระยะที่ 1 – 3 อัตรา 10 กรัม/ต้น ทุกๆ 7 วัน โดยฝังลงในดินหรือใช้ดินกลบ
ข้อควรระวัง :
-
การให้ปุ๋ยเม็ด ระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้ ควรฝังลงดินหรือใช้ดินกลบ
-
การให้ปุ๋ยน้ำ อาจสัมผัสโดนใบและทำให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นเมื่อรดปุ๋ยแล้วให้รดน้ำเพื่อล้างใบตาม
หมายเหตุ : หากไม่สามารถหาปุ๋ยได้ตามสูตร สามารถใช้ปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 หรือสูตรเสมอทดแทนได้ทุกระยะ แต่การเจริญเติมโตอาจไม่ดีเท่าสูตรที่แนะนำ หรือสำหรับบางท่านที่ไม่สะดวกในการให้ปุ๋ยบ่อยครั้ง สามารถใช้ปุ๋ยละลายช้า สูตร 14 – 14 – 14 แนะนำเป็นตัว เนเจอร์ โค้ท สามารถปลดปล่อยธาตุอาหารพืช ได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ นานถึง 3 เดือน แต่จะไม่ดีเท่าการให้ปุ๋ยตามระยะ
Short URL :