ใบหนา ห่อหัวแน่น หัวกลมแบน สีเขียวสด การเรียงตัวของใบสวย รสชาติหวานกรอบ ทนโรค ทนร้อน ทนฝนได้ดี น้ำหนัก 1.2-2.0 กก.
การเตรียมแปลง
- ไถตากดินลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน
- หว่านปูนขาวหรือปูนโดโลไมท์ให้ทั่วแปลงเพื่อปรับสภาพดิน อัตรา 500-1,000 กก./ไร่
- ใส่ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก อัตรา 1,000-1,500 กก./ไร่ -ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 รองพื้นอัตรา 20-30 กก./ไร่
- ไถพรวนดินอีกครั้งให้ละเอียด และยกร่องกว้าง 2-3 เมตร ระดับแปลงสูงอย่างน้อย 25-30 เซนติเมตร
การเพาะเมล็ด
- หลังเตรียมแปลงเสร็จให้หว่านเมล็ดกะหล่ำปลีให้กระจายทั่วแปลง หรือถ้าเราอยากให้เป็นแถวอาจจะทำร่องลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ห่างกันแถวละ 15 เซนติเมตร แล้วโรยเมล็ดลงในร่องหว่านกลบเมล็ดด้วยปุ๋ยหมักหรือดินละเอียด จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มแล้วคลุมด้วยฟางแห้งบางๆ หลังจากต้นกล้างอกได้ 15 – 20 วัน ให้เลือกถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออกและให้ทิ้งระยะห่างต้น 10 เซนติเมตร จนกระทั่งอายุประมาณ 25 – 30 วัน จึงย้ายไปปลูก
การย้ายปลูก
- เวลาย้ายควรย้ายในช่วงเวลาบ่ายๆ ถึงเย็น ตอนย้ายควรให้ดินติดรากมาด้วยและต้องระวังไม่ให้รากขาด แล้วรีบนำลงปลูกจากนั้นกดดินรอบโคนให้แน่นทันทีก่อนรดน้ำให้ชุ่ม เมื่อปลูกเสร็จแล้วควรทำร่มบังแดดให้ในวันรุ่งขึ้น อาจใช้กะลาครอบ หรือใช้ไม้บังรอบๆก็ได้ ควรปิดบังแดดไว้ประมาณ 3 – 4 วัน ค่อยเอาออก
การใส่ปุ๋ย
- เมื่อปลูกได้ราว 15 วัน ใส่ปุ๋ยจำพวกไนโตรเจน เช่น ยูเรีย 46% (46-0-0) หรือแอมโมเนียมซัลเฟต 21% (21-0-0) ให้ต้นละ 1 ช้อนชา ปุ๋ยจำพวกนี้จะช่วยให้ใบงาม
- เมื่อปลูกได้ 30 วัน ทำการพรวนดินรอบ ๆ โคนต้น ใส่ปุ๋ยสูตร 12-8-8 ต้นละ 2 ช้อนชา หรือใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักแทน ต้นละ 1 กำมือ กลบดิน แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยรดน้ำ
- ในการให้ปุ๋ยกะหล่ำปลีแต่ละครั้งควรผสมธาตุอาหารเสริมพวกโบรอน, สังกะสี อย่างเช่น ไฮเปอร์ พลัส ตรานกอมตะ เพราะมีความจำเป็นแก่พืชตระกูลกะหล่ำมาก
การเก็บเกี่ยว
- ถ้าเป็นพันธุ์เบาเราจะเก็บเกี่ยวได้ตอนอายุประมาณ 50 – 60 วัน โดยใช้มีดที่คมตัดบริเวณส่วนโคน ซึ่งกะหล่ำปลีจะมีน้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น การเก็บในระยะที่เหมาะสมจะได้หัวที่สมบูรณ์ ถ้าเก็บขณะอ่อนเกินไปหัวจะไม่แน่น จะเสียขนาดและน้ำหนัก แต่ถ้าทิ้งไว้นานเกินไปหัวจะหลวม ทำให้คุณภาพของหัวกะหล่ำปลีลดลง เสียรสชาติ ไม่ได้ราคา ฉะนั้นเวลาเก็บเกี่ยวควรสังเกตหัวที่แน่นจะดีที่สุด