วิธีการปลูกผีเสื้อ DIA-101

ดอกผีเสื้อ มีดอกหลายสี ปลูกง่าย เหมาะในการทำเป็นไม้กระถาง หรือไม้ถุง ดอกมีชั้นเดียว สีสดใส กลีบดอก เป็นหยักคล้ายปีกผีเสื้อ ต้นสูง 18-20 ซม. 

อุปกรณ์ในการเพาะเมล็ดดอกไม้

  1. ถาดเพาะ  หรือ ตะกร้าเพาะ
  2. วัสดุเพาะ
  3. เมล็ดพันธุ์ดอกไม้
  4. ป้ายชื่อพันธุ์ดอกไม้
  5. บัวรดน้ำแบบฝอยละเอียด

การเพาะเมล็ด

  1. เพาะเมล็ดในตะกร้าพลาสติก ขนาด 29 x 36 เซนติเมตร หรือใหญ่กว่านี้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเมล็ดที่ใช้เพาะ
  2. ตัดกระดาษหนังสือพิมพ์วางรอบตะกร้าโดยตัดกระดาษให้พอดีกับขอบตะกร้าเพื่อป้องกันวัสดุเพาะร่วง
  3. ทำการผสมพีทมอสกับสารเคมีกันเชื้อรา Propamocarb hydrochloride (อัตรา 0.4 ซี.ซี ต่อน้ำ 1 ลิตร) คลุกเคล้าให้เข้ากันสังเกตวัสดุเพาะจับตัวเป็นก้อนและมีน้ำซึมตามร่องนิ้วเล็กน้อย
  4. นำพีทมอสที่ผสมแล้วใส่ตะกร้าประมาณ ¾ ของความสูงตะกร้า
  5. ใช้ไม้บรรทัดเกลี่ยผิววัสดุให้เรียบ ทำร่องรูปตัววีลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 3 เซนติเมตร
  6. หยอดเมล็ดลงในร่องอย่าให้แน่นเกินไปแล้วกลบเมล็ดหนาประมาณ 0.4 เซนติเมตร ยกตะกร้าเข้าโรงเรือนป้องกันฝน
  7. ดูแลรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้วัสดุเพาะมีความชื้นเพียงพอ เมื่อต้นกล้าอายุ 6-7 วัน (มีใบเลี้ยง 2 ใบ) จึงย้ายต้นกล้าลงถาดเพาะต่อไป

ดินปลูกสำหรับปลูกลงแปลง

  1. ไถพรวนและพลิกหน้าดินตากไว้ประมาณ 7 – 10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืช
  2. หลังจากนั้นให้ทำการไถคราดเพื่อกำจัดวัชพืชออกให้หมดและทำให้ดินร่วนซุย  ให้รากพืชเดินได้สะดวกเหมาะสำหรับการปลูก
  3. ถ้าดินมีปัญหาโดยมีค่าความเป็นกรด ด่าง น้อยกว่า 6. 5 ควรเติมปูนขาวเพื่อปรับสภาพ pH ของดิน อัตรา  100 – 300 กก./ไร่ 
  4. ในขณะใส่ปูนขาวดินควรมีความชื้นเพื่อให้ปูนทำปฏิกิริยากับดินได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ 
  5. ผสมปุ๋ยสูตร  15 – 15 – 15 รองพื้น  ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และเพิ่มแร่ธาตุในดิน

การย้ายปลูกต้นกล้าลงแปลง

  • สำหรับท่านที่ต้องการปลูกประดับแปลง  หลังจากต้นกล้าที่ย้ายลงถุงดำตั้งตัวและเจริญเติบโตพอสมควร ประมาณ  15 วันขึ้นไปหรือดูปริมาณรากว่าหุ้มดินในถุงดีแล้ว  ก่อนย้ายปลูก 1 สัปดาห์ ควรลดปริมาณการให้น้ำลงเพื่อสร้างให้ต้นกล้า มีความทนทานต่อการย้ายปลูก 

หลักการปฏิบัติในการย้ายปลูก

  1. ย้ายต้นกล้าในตอนที่แดดอ่อนและในร่ม
  2. เตรียมแปลงปลูกอย่างดี รดน้ำแปลงให้ดินชื้นก่อนการย้ายปลูก
  3. ก่อนย้ายต้นกล้า ให้รดน้ำต้นกล้าให้ชุ่มก่อนทำการย้ายปลูก ดึงต้นกล้าเบาๆหรือใช้ใช้แหนบคีบ พร้อมดินหุ้มรากไปให้มากๆ เพื่อรากจะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
  4. ปลูกในหลุมที่กว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา และควรปลูกให้ใบจริงอยู่ใกล้กับระดับดินมากที่สุด เพื่อที่เวลารดน้ำต้นกล้า จะไม่หักล้มง่าย และแก้ปัญหาต้นกล้ายืด
  5. รดน้ำให้ชุ่มโดยใช้บัวรดแบบฝอยละเอียด

การเตรียมดินปลูก

ดินปลูกสำหรับบรรจุลงกระถาง

  • การเตรียมดินปลูกต้องพิถีพิถันพอสมควร  เพราะไม้ดอกส่วนใหญ่มีอายุการออกดอกสั้น โดยเฉพาะไม้ดอกที่ไวต่อแสงจะออกดอกทันทีเมื่อครบอายุและต้นสมบูรณ์  ดินปลูกต้องเป็นดินโปร่ง ร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดี  ในขณะเดียวกันอุ้มความชื้นได้ดีพอสมควร
  1. ดินร่วน 1 ส่วน
  2. แกลบดิบ 2 ส่วน
  3. แกลบดำ 1 ส่วน
  4. ปุ๋ยคอก,ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
  5. กาบมะพร้าว 2 ส่วน
  6. โดโลไมท์ เพื่อปรับสภาพความเป็น กรด-ด่างในดิน 0.5 กิโลกรัม
  7. ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 อัตรา 0.5 กก.

การย้ายปลูกลงถุงหรือกระถาง

  1. กระถางที่นิยมใช้ ขนาด 6 นิ้ว หรือถุงดำขนาด 4x8 นิ้ว โดยปลูก 1 ต้น ต่อกระถางหรือถุง
  2. เมื่อต้นกล้ามีอายุ 20-25 วันหลังย้ายลงถาดเพาะ หรือมีใบจริง 2-3 คู่ใบ ต้นกล้าจะโตพอที่จะย้ายได้
  3. นำต้นกล้าลงในถุงพลาสติก โดยการเจาะหลุมดินให้ลึกและกว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา
  4. นำต้นกล้าหยอดลงในหลุมแล้วกลบด้วยดินโดยให้ชิดถึงใบจริงคู่แรก แล้วกลบหลุมเพื่อป้องกันการหักล้มของต้นกล้า ควรย้ายปลูกในช่วงที่แดดไม่แรง เพื่อช่วยให้ต้นกล้าตั้งตัวได้ดีหลังการย้ายปลูก
  5. ควรเด็ดยอด เพื่อช่วยในการแตกทรงพุ่ม แนะนำให้เด็ดยอดเพื่อให้ลำต้นสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ออกดอกเร็วจนเกินไป

การดูแลรักษา

1. ปุ๋ยระยะที่1 เสริมการเจริญเติบโตของราก ลำต้นและใบ หลังจากย้ายกล้าแล้วประมาณ 7 วัน ให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง สูตร 15-0-0 หรือ 25-7-7 อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 5-7 วัน

2. ช่วงการเจริญเติบโตถึงระยะสังเกตเห็นตุ่มดอก ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุก ๆ 3 วัน จนกระทั่งดอกเริ่มบาน

3. เมื่อดอกเริ่มบาน ให้ปุ๋ยสูตร ให้ปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24 หรือ 13 – 13 – 21 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่องตลอดอายุการให้ดอก

ปุ๋ยเม็ด
สามารถให้ปุ๋ยสูตรต่างๆ เหมือนสูตรน้ำ ระยะที่ 1 – 3 อัตรา 10 กรัม/ต้น ทุกๆ 7 วัน โดยฝังลงในดินหรือใช้ดินกลบ ระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้

ข้อควรระวัง :  

  • การให้ปุ๋ยเม็ด ระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้ ควรฝังลงดินหรือใช้ดินกลบ

  • การให้ปุ๋ยน้ำ อาจสัมผัสโดนใบและทำให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นเมื่อรดปุ๋ยแล้วให้รดน้ำเพื่อล้างใบตาม

หมายเหตุ :  หากไม่สามารถหาปุ๋ยได้ตามสูตร สามารถใช้ปุ๋ยสูตร  15 – 15 – 15 หรือสูตรเสมอทดแทนได้ทุกระยะ  แต่การเจริญเติมโตอาจไม่ดีเท่าสูตรที่แนะนำ  หรือสำหรับบางท่านที่ไม่สะดวกในการให้ปุ๋ยบ่อยครั้ง สามารถใช้ปุ๋ยละลายช้า สูตร  14 – 14 – 14  แนะนำเป็นตัว เนเจอร์ โค้ท สามารถปลดปล่อยธาตุอาหารพืช ได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ นานถึง 3 เดือน แต่จะไม่ดีเท่าการให้ปุ๋ยตามระยะ

การให้น้ำ

  • ควรรดน้ำเช้า-เย็น และเมื่อดอกเริ่มบาน อย่ารดน้ำให้ถูกดอก เพราะอาจทำให้ดอกช้ำหรือเน่าได้ การให้น้ำควรให้ดินชุ่มสลับแห้ง ไม่ควรให้ชุ่มตลอดเวลา เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า และทำให้ระบบรากไม่พัฒนา ส่งผลให้ต้นแคระแกร็น ไม่สมบูรณ์ สามารถสังเกตสีของดินหรือวัสดุเพาะ หากมีสีดำหรือน้ำตาลเข้ม แสดงว่าดินยังชุ่มหรือมีน้ำอยู่ เมื่อดินเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลอ่อน แห้งแข็ง แสดงว่าดินขาดน้ำ


 

Short URL :